“ฮาลันด์” กวาด 4 รางวัล, “เด เคอา” เหนียวสุด! บทสรุป พรีเมียร์ลีก

“ฮาลันด์” กวาด 4 รางวัล, “เด เคอา” เหนียวสุด! บทสรุป พรีเมียร์ลีก

“ฮาลันด์” กวาด 4 รางวัล, “เด เคอา” เหนียวสุด! บทสรุป พรีเมียร์ลีก

Blog Article



แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงหนักแน่นสมเป็นกลุ่มชั้น 1 ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แม้ว่าในช่วงต้นฤดูกาลจะฟอร์มกระท่อนกระแท่น แม้กระนั้นภายหลังปรับจูนเครื่องจนถึงทุกอย่างพอดี ทัพ “เรือใบสีฟ้า” ก็จัดแจงกางใบแล่นชิวพุ่งแรงแซงหน้า อาร์เซน่อล ในช่วงโค้งสุดท้าย ผงาดคว้าแชมป์ลีกไปครองอย่างยิ่งใหญ่

สำหรับกลุ่มของกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ครอบครองแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีสมัยที่ 3 ต่อเนื่องกัน รวมทั้งเป็นยุคที่ 5 จาก 6 ฤดูหลังสุด ในขณะที่ อาร์เซน่อล จำต้องบอกว่าน่าผิดหวังสุดๆด้วยเหตุว่าพวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างเร่าร้อนมาตลอดแล้วก็ครอบครองตำแหน่งจ่าฝูง 93 เปอร์เซนต์ของฤดูกาล แต่พวกเขาดันมาฟอร์มหลุดในตอนสำคัญทำให้โดน แมนฯ ซิตี้ เร่งเครื่องแซงหน้า

เวลาที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สมัยใหม่ภายใต้การกุมบังเหียนของ เอริค เทน ฮาก จำต้องบอกว่าสามารถลบคำปรามาสของบรรดาเกจิลูกหนังได้เสร็จ เมื่อพวกเขาจบอันดับ 3 ได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ว่าเปิดตัวไม่สวยแพ้ 2 เกมต่อเนื่องกัน แม้กระนั้นท้ายที่สุดบรรลุเป้าหมายเข้าป้ายคว้าโควตากลับไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เสร็จ

ในส่วนของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด นับว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับสาวก “เดอะ แม็กพายส์” เมื่อพวกเขาสามารถฉีกความใหญ่โตของเหล่ากลุ่มท็อปซิกซ์ในลีกก้าวขึ้นมายึดท็อปโฟร์ได้อย่างยิ่งใหญ่ แล้วก็หวนกลับไปลุยศึกถ้วยใบโตยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษอย่างยิ่งจริงๆ

ที่น่าผิดหวังคงหนีไม่พ้น ลิเวอร์พูล
เนื่องจากว่าพวกเขาถือเป็นลูกค้าขาประจำแชมเปี้ยนส์ ลีก มาตลอด 7 ซีซั่นก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา โดยฤดูกาลนี้ “หงส์แดง” เริ่มได้อย่างตกอับ ฟอร์มขาดความสม่ำเสมอ และกว่าจะตั้งสติได้ก็ช่วงท้ายฤดูซึ่งไม่ทันซะแล้ว ทำให้พวกเขาจบที่ชั้น 5 ไปเล่นในศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก ไปโดยปริยาย

ด้านสโมสรที่จะต้องบอกว่ารุนแรงอย่างยิ่งอย่าง ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน นับว่าเซอร์ไพรส์สุดๆเมื่อพวกเขาประมือกับพวกทีมใหญ่ได้อย่างเบิกบาน โดยสามารถจบอันดับ 6 ได้สิทธิ์ไปฝ่ารอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปา ลีก งานนี้สาวก “เดอะ ซีกัลส์” จำต้องขอบคุณ โรกางร์โต้ เด แซร์บี้ กุนซือชาวอิตาเลียน ที่เข้ามารับงานต่อจาก เอ็งรม พ็อตเตอร์

สำหรับ แอสตัน วิลล่า จำเป็นต้องบอกเลยว่ากลับมาเกิดใหม่อีกทีนับจากที่ได้ อูไน เอเมปรี่ เข้ามาจับบังเหียน โดยเขาสามารถปลุก “ราชสีห์ผงาด” จากกลุ่มในโซนด้านหลังตารางในช่วงต้นฤดู เบาๆไต่ชั้นขึ้นมาเรื่อยกระทั่งท้ายที่สุดสามารถจบอันดับ 7 คว้าสิทธิ์ไปเล่น ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก

ปิดท้ายด้วย 3 ทีมที่จำเป็นต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่เดอะ แชมเปี้ยนชิพ โดยสมาคมแรกก็คือ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่จะต้องโบกไม้โบกมือลาพรีเมียร์ลีก เป็นยุคแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2011/2012 หรือเมื่อ 11 ปีที่ผ่านมา

ส่วนที่ทำเอาแฟนบอลชาวไทยตกใจก็อาจหนีไม่พ้น เลสเตอร์ สิตี้ ที่บากบั่นอย่างเต็มเปี่ยมในเกมท้ายที่สุด แต่ไม่เพียงพอเช่นเดียวกับ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อทั้งคู่กลุ่มไม่อาจจะรอดพ้นเคราะห์กรรมจำเป็นต้องจับมือกันไปเริ่มต้นใหม่พร้อมกับ “เดอะ เซนต์ส” ในเกมแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลหน้า



บทสรุป พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2022/2023
แชมป์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้

โควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

โควตา ยูฟ่า ยูโรปา ลีก : ลิเวอร์พูล, ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน

โควตา ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก : แอสตัน วิลล่า

ตกชั้น : เลสเตอร์ ซิตี้, ลีดส์ ยูไนเต็ด, เซาธ์แฮมป์ตัน

เลื่อนชั้น : เบิร์นลี่ย์, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, ลูตัน ทาวน์

ดาวซัลโว : เอ้อร์ลิง ฮาแลนด์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) 36 ประตู

ผ่านบอลให้สหายทำประตูสูงที่สุด (แอสซิสต์) : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) 16 ครั้ง

ถุงมือทอง : ดาบิด เด เคอา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) 17 คลีนชีต

นักเตะดีประจำฤดู : เออร์ลิง ฮาลันด์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

นักฟุตบอลดาวรุ่งเยี่ยมที่สุดประจำฤดูกาล : เอ้อร์ลิง ฮาลันด์(แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

นักเตะดีเยี่ยมที่สุดประจำฤดูกาลของสัมพันธ์ผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษ : เอ้อร์ลิง ฮาลันด์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

แจ่มแจ้ง! เด แซร์บี้ ยัน แม็ค อัลลิสเตอร์, ไกเซโด้ เล่นเกมท้ายที่สุดให้ ไบรท์ตัน
โรกางร์โต้ เด แซร์บี้ ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวอิตาเลียนของ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ยอมรับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ มอสเซส ไกเซโด้ สองมิดฟิลด์กำลังสำคัญ จะย้ายกลุ่มในตอนซัมเมอร์นี้

“เดอะ ซีกัลส์” ลงเล่นเกมท้ายที่สุด ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยการแพ้ “ราชสีห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า 1-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ค.ก่อนหน้านี้ โดย เด แซร์บี้ เปิดใจว่าแมตช์นี้อาจเป็นเกมในที่สุดของสองผู้เล่นตัวหลักของกลุ่ม หลังทั้งสองกลายเป็นข่าวย้ายกลุ่มมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา

ในรายของ แม็ค อัลลิสเตอร์ กลายเป็นข่าวสารว่าใกล้จะย้ายไปเล่นกับ “ลิเวอร์พูล” ลิเวอร์พูล ช่วงเวลาที่ ไกเซโด้ ซึ่งเคยมีข่าวสารว่า อาร์เซน่อล ยื่นข้อเสนอ 70 ล้านปอนด์ (ราว 2,940 ล้านบาท) แต่ว่า ไบรท์ตัน ไม่ยอมรับเมื่อตอนเดือนมกราคม ก็ได้รับความพอใจจากหลายทีมเช่นเดียวกัน

นายใหญ่เลือดมะกะโรนี กล่าว “ผมคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเกมสุดท้ายของ อเล็กซิส กับ มอสเซส ผมเสียใจจริงๆพวกเขาทั้งสองคนดีเยี่ยมที่สุดมากมายๆแล้วก็เป็นนักฟุตบอลที่สุดยอดจริงๆ”

ไบรท์ตัน สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าตั๋วไปเล่นในฟุตบอลถ้วยยุโรปคราวแรกของสมาพันธ์ เมื่อพวกเขาจบชั้น 6 ได้สิทธิ์ไปลุยศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก โดย เด แซร์บี้ กล่าวถัดไปว่า “แนวนโยบายของ ไบรท์ตัน ก็เป็นอย่างงี้แหละ”

“ผมคิดว่ามันถูกที่พวกเขาสามารถย้ายทีม แปลงทีม แล้วก็เล่นในระดับที่ค่อนข้างสูงกว่านี้ เราพร้อมเสมอ ข่าวตลาดนักเตะ เราต้องหานักฟุตบอลชั้นยอดคนอื่นๆเพื่อเข้ามาเล่นโดยที่ไม่มี อเล็กซิส และก็ มอสเซส” ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียน ระบุ

ฝันร้ายจบสักที! เกร็ดผลงานสุดตกอับ พรีเมียร์ลีก ของ เชลซี
จบไปแล้วสำหรับศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2022-23 ซึ่งสำหรับแฟนบอล เชลซี แล้วนั้น ถ้าหากจะกล่าวว่านี่เป็นฤดูกาลแห่งฝันร้ายสำหรับพวกเขาก็อาจจะไม่ผิด เพราะว่าทีมรักทำผลงานได้เลวร้ายมากมายๆจนถึงคนไม่ใช่น้อยเกือบจะเฝ้ารอให้มันปิดฤดูแบบใจจดจ่อ ผลงานอันน่าผิดหวังของ “สิงห์บลูส์” ตลอดทั้ง 38 เกมที่ผ่านมามันนำมาซึ่งการก่อให้เกิดเกร็ดและสถิติที่เลวทรามหลายประเภทสำหรับทีมมหาเศรษฐีแห่งกรุงลอนดอนด้วย ซึ่งดูแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นเลยกับกลุ่มที่ใช้เงินเสริมกองทัพไปถึงราว 600 ล้านปอนด์

ในการลงเล่น พรีเมียร์ลีก ตลอดทั้งฤดูกาลนี้ เชลซี เก็บชัยได้เพียงแค่ 11 นัดแค่นั้น ทำให้นี่นับเป็นซีซั่นที่พวกเขาชนะในลีกน้อยที่สุดแม้ตั้งแต่แมื่อที่ลีกสูงสุดของอังกฤษเปลี่ยนแปลงมาใช้ชื่อ พรีเมียร์ลีก โดยสถิติเดิมอยู่ที่ 12 เกม ซึ่งเกิดขึ้นในฤดูกาล 1995-96 กับ 2015-16

ทั้งนี้ ถ้าเกิดนับย้อนไปยุคที่ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีใช้ชื่อ ดิวิชั่น 1 แล้วล่ะก็ นี่ยังไม่ถือเป็นผลงานที่ชั่วร้ายที่สุดของ เชลซี เพราะว่าพวกเขาเคยชนะเพียงแค่ 5 เกมเมื่อซีซั่น 1978-79 โดยที่ตอนนั้นพวกเขาจำต้องตกชั้นจากลีกสูงสุดด้วย

38 ลูก เป็นจำนวนประตูทั้งสิ้นที่ เชลซี ทำได้ในลีกประจำซีซั่นนี้ คิดเป็นค่าถัวเฉลี่ยแค่นัดละ 1 ประตูเท่านั้น นั่นทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มที่ยิงได้ต่ำที่สุดเป็นชั้น 5 ร่วมของ พรีเมียร์ลีก ประจำซีซั่นนี้

อย่างไรก็ดี เรื่องดังกล่าวข้างต้นยังไม่เลวร้ายเท่ากับใจความสำคัญที่ว่านี่ถือเป็นฤดูกาลที่พวกเขายิงได้ต่ำที่สุดเป็นชั้น 2 ในหน้าประวัติศาสตร์ของสมาคม ไม่ว่าจะอีกทั้งสมัยที่เล่นอยู่ใน พรีเมียร์ลีก หรือ ดิวิชั่น 1 โดยชั้น 1 ยกตัวอย่างเช่นฤดูกาล 1923-24 ที่พวกเขายิงได้เพียง 31 นัดหมาย

ธรรมดาแล้วทีมใหญ่ๆควรที่จะเก็บแต้มได้แบบเป็นกอบเป็นกำ กลับแปลงเป็นว่าฤดูนี้ เชลซี ทำไปได้ 44 คะแนนเท่านั้น ซึ่งมันก็นำมาซึ่งการทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่ทีมดังแห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เก็บแต้มใน พรีเมียร์ลีก ได้ไม่ถึงหลัก 50 คะแนน

ยิ่งกว่านั้น มันก็ถือเป็นซีซั่นที่พวกเขาเก็บแต้มรวมได้น้อยที่สุดตั้งแต่แมื่อฤดู 1987-88 ด้วย โดยครั้งนั้นพวกเขาเก็บได้เพียงแค่ 42 คะแนนในสมัยที่ ดิวิชั่น 1 เล่นกัน 40 นัดหมาย จนทำให้ต้องตกชั้นไปอยู่ ดิวิชั่น 2

Report this page